21 กุมภาพันธ์ 2561

ข่าวในประเทศ

  • รมว.พน. (นายศิริฯ) ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินบริเวณหน้า UN ประจำประเทศไทย จากนั้นเชิญแกนนำและตัวแทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พน. ร่วมกันพูดคุยถึงบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) โดยแถลงและลงนาม MOU ดังกล่าวร่วมกัน มี 4 ประการ ประกอบด้วย 1) ให้ กฟผ. ถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ออกจากสำนักงานนโยบายและแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันลงนาม 2) ให้ พน. จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อศึกษาว่าพื้นที่ จ. กระบี่ และ อ.เทพา จ.สงขลา มีความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 9 เดือน โดยต้องมีนักวิชาการที่เป็นกลางและเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย หากผลออกมาว่าพื้นที่ไม่เหมาะสมแก่การทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน กฟผ. จะต้องยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่ 3) หากผลรายงานออกมาว่าเหมาะสมแก่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในขั้นตอนการทำ EHIA จะต้องจัดทำโดยคนกลางที่ยอมรับร่วมกัน และ 4) ให้คดีระหว่างเครือข่ายผู้ชุมนุม กับ กฟผ. เลิกแล้วต่อกัน

  • รมต.นร. (นายสุวพันธุ์ฯ) ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติไม่แก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ตามที่คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา สนช. เสนอ ว่า ขณะนี้คณะสงฆ์เห็นว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์ยังสามารถปฏิบัติได้ ก็ให้ใช้ปฏิบัติต่อไป แต่เมื่อปฏิรูปแล้วคณะสงฆ์เห็นว่าควรปรับแก้ หรือรัฐบาลเห็นว่าควรแก้ ย่อมสามารถทำได้ ขณะที่นายสมเกียรติ ธงศรี รอง ผอ.พศ. กล่าวว่า มส. มีมติไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไข เพราะเห็นว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับเดิมดีอยู๋แล้ว และขณะนี้คณะสงฆ์ได้ดำเนินการปฏิรูปเกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนาร่วมกับรัฐบาลอยู่ ซึ่งมีเรื่องของบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดอยู่ด้วย ปัจจุบันได้มีการปรับระบบบัญชีรายรับ-รายจ่ายใหม่ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ พศ. ทำร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และ มส. ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยเมื่อปี 60 มีการนำร่องไปแล้ว 1 วัด ในปีนี้อีก 16 วัด และจะขยายไปเรื่อยๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันคณะสงฆ์พร้อมเข้ารับการตรวจสอบ แต่ขอให้ค่อยเป็นค่อยไป เพราะว่ามีหลายเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนระหว่างประชาชนกับวัด

ข่าวการเมือง

  • รมว.มท. (พล.อ. อนุพงษ์ฯ) กล่าวถึงความพร้อมในโครงการไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งเจ้าหน้าที่กว่า 7,500 ทีมจะลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความต้องการของประชาชน ว่า มีความเชื่อมั่นว่าคนไทยและเจ้าหน้าที่มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนตามแนวทางของ นรม. และเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้ง 10 ปีได้ โดยเน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ 2 เรื่องหลัก คือ การสำรวจความต้องการของประชาชนเพื่อให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และ ความโปร่งใสทุกระดับ โดยยืนยันว่าจะไม่มีการดำเนินโครงการในรูปแบบการจัดซื้อครุภัณฑ์ และ นรม. จะประเมินผลงานทุกระดับด้วย ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะใช้ใน 3 กลุ่มหลังจากที่ได้สำรวจความต้องการแล้ว คือ 1) เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กค. จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ 2) การพัฒนาให้เกิดขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งอาจจะใช้งบประมาณ 200,000-250,000 บาทต่อโครงการ และ 3) โครงการที่เกี่ยวกับการเกษตรซึ่งเน้นย้ำให้ดำเนินการให้มีผลผลิตสอดรับกับความต้องการของตลาด

  • รมช.กห. (พล.อ. ชัยชาญฯ) กล่าวถึงกรณีแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน เชิญชวนสมาชิกและนักกิจกรรมที่สนับสนุนกว่า 7 ล้านคนทั่วโลกส่งจดหมายเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติการดำเนินคดีอาญากลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายไทย และชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม และไม่จำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงไปยังแอมเนสตี้

ข่าวเศรษฐกิจ

  • รมว.กษ. (นายกฤษฎาฯ) เปิดเผยว่า วันที่ 28 ก.พ. 61 จะหารือ 3 ประเทศผู้ปลูกยาง คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อร่วมกันทำโครงการหยุดกรีดยาง 3 เดือน จำนวน 2 ล้านไร่ โดยในส่วนของไทยจะหยุดกรีดช่วงต้นฤดูกรีดยางเดือน พ.ค.-ก.ค. 61 หาก 3 ประเทศเห็นด้วยจะนำเรื่องนี้เสนอ ครม. เพื่อพิจารณา โดยจะชดเชยรายได้ให้เกษตรกร หรือมีโครงการปลูกพืชอื่นเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ประมาณ 1,000-1,500 บาท/ไร่ คาดจะใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท และจะทำให้ราคายางอยู่ที่ประมาณ 80 บาท/กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 47 บาท/กก. จะทำรายได้มากกว่า 3-4 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ที่มีฐานผลิตในไทยมาหารือเพื่อขอให้ซื้อยางจากเกษตรกรโดยตรง ทั้งนี้ ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางของไทยประมาณ 20 กว่าล้านไร่ ผลผลิต 4.5 ล้านตัน มียางส่วนเกินประมาณ 3-5 แสนตัน หากลดปริมาณผลผลิตประมาณ 4-5 แสนตัน จะช่วยดึงราคายางให้ดีขึ้น ที่ผ่านมา กษ. กำหนดโครงการแก้ปัญหา คือ 1) ชะลอการกรีด 3 ประเทศ 3 เดือน ลดการส่งออกยาง 3.5 แสนตัน 2) มาตรการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานรัฐ ปี 61 จำนวน 2 แสนตัน 3) การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการแปรรูปยาง 3% ของวงเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ยางข้นแปรรูป และ 4) เตรียมมาตรการลดพื้นที่ปลูกยางเพื่อปลูกพืชอื่นอีก 1.5 แสนไร่

  • รมว.คค. (นายอาคมฯ) สั่งการให้ คค. (กรมทางหลวง) พัฒนาเส้นทางคมนาคมเลียบแม่น้ำโขงจาก อ.เชียงคาน และ อ.ปากชม จ.เลย ไปถึง อ.สังคม จ.หนองคาย โดยขยายไหล่ทางตลอดเส้นทาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนเกิดความสะดวก ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวตามเส้นทางดังกล่าว เนื่องจาก จ.เลย เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ อ.เชียงคาน ประกอบกับพื้นที่ อ.เชียงคาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยัง อ.ปากชม จ.เลย และ อ.สังคม จ.หนองคาย ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และการพัฒนาเส้นทางคมนาคมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ นรม. ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น เพราะการท่องเที่ยวจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท. ไม่ได้ให้ใบอนุญาตแต่งตั้งเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย แต่ที่มีการแชร์และส่งต่อในโลกออนไลน์ คือ เซเว่นแบงก์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ธปท. ยังไม่มีนโยบายให้ใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ใหม่ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 53 ธปท. ได้ออกประกาศอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถแต่งตั้งตัวแทนการให้บริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ (แบงกิ้งเอเยนต์) ได้ ซึ่งมีการดำเนินการในประเทศอื่นด้วย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และบังกลาเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้ตั้งบริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ที่ให้บริการอยู่ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นแบงกิ้งเอเยนต์ด้านการรับชำระเงิน และมีธนาคารกสิกรไทยตั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นผู้ให้บริการถอนเงินให้ลูกค้าที่มีคนโอนให้ เพื่อให้บริการลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือไม่มีสาขาธนาคารในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีธนาคารตั้งตู้เติมบุญ ตู้เติมสบาย และแอปพลิเคชันแอร์เพย์ เป็นแบงกิ้งเอเยนต์ สามารถฝากเงินหรือโอนเงินจากทั้ง 3 แหล่งเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ได้

ข่าวต่างประเทศ

  • รัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์ประกาศแจกโบนัส “SG Bonus” ให้แก่ประชาชนที่อายุมากกว่า 21 ปี มูลค่าระหว่าง 100-300 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยผู้ที่มีรายได้มากกว่า 280,000 ดอลลาร์สิงคโปร์/ปี จะได้รับโบนัส 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ ผู้ที่มีรายได้ 280,000-100,000/ปี ได้รับโบนัส 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ และผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000/ปี ได้รับ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนผู้ที่มีอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 2 ชิ้น จะได้รับ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ทันทีโดยไม่คำนึงถึงรายได้ ซึ่งโบนัสดังกล่าวจะมอบให้ประชาชนสิ้นปีนี้ และจะใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า เงินที่มอบให้ประชาชน คือ เงินงบประมาณเกินดุลจากงบประมาณประจำปี ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2017 รัฐบาลสิงคโปร์ตั้งเป้าส่วนเกินงบประมาณไว้ที่ 9,610 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เมื่อปี 2011 รัฐบาลสิงคโปร์เคยแจกโบนัสมูลค่า 800-100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะที่ปี 2008 เคยแจกโบนัสมูลค่า 700-100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้แก่ประชาชน

  • หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียน ไฟแนนเชียล รีวิว รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐอเมริกาว่า รัฐบาลจาก 4 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐ อินเดีย และญี่ปุ่น กำลังร่วมกันพิจารณาผลักดันแผนโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้นักลงทุนนอกเหนือจากโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง ของประเทศจีน รายงานระบุว่า นายมัลคอร์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียจะเจรจาโครงการดังกล่าวกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะหว่างเดินทางเยือนสหรัฐในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเสริมว่าโครงการยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงไม่เป็นรูปธรรมพอที่จะประกาศสู่สาธารณชนได้ และย้ำว่าแผนการนี้เป็นการเพิ่มทางเลือกมากกว่าจะเป็นคู่แข่งกับจีน ทั้งนี้ สหรัฐพยายามผลักดันยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก เพื่อตอบโต้โครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางของจีน ที่สหรัฐมองว่าเป็นการขยายอิทธิพลระหว่างประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเพิ่มการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศอื่น โดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างมากขึ้น

สภาพอากาศ

  • ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อนกับมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ ภาคเหนือตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลางโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร