23 มิถุนายน 2561

ข่าวในประเทศ

  • พล.อ.ประยุทธ์ฯ (นรม. และ หน. คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่า ตนขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับในเรื่องของ “การปิดทองหลังพระ” ซึ่งในใจความตอนหนึ่งว่า”การทำงานด้วยใจรัก ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ ใครเห็น ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้น จะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง” ที่ต้องนำมากล่าวในวันนี้นั้นเนื่องจากจะบอกว่าระยะเวลา 4 ปีของ คสช. ที่บริหารราชการแผ่นดินมาสามารถนำความสุขคืนสู่ปวงชนชาวไทยได้ตามที่มุ่งหวังและตั้งใจไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกที่มาของ คสช. อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยประเทศก็ตาม แต่ในวันนี้รัฐบาลและ คสช. ก็ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจอันบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าผลงานที่ผ่านมาไม่ได้สำเร็จทั้งหมด ก็เป็นธรรมดาของการทำงานที่จะต้องมีอุปสรรค แต่ก็ได้รับการยอมรับทั้งจากประชาชนชาวไทยและจากประชาคมโลกในที่สุด ทองเนื้อเก้าที่รัฐบาล และ คสช. เพียรติดหลังองค์พระนั้น ขณะนี้ก็ได้ล้นมาข้างหน้าจนประชาคมโลกได้ประจักษ์แล้ว โดยจะเห็นได้จากความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้นอยู่ในระดับดีเยี่ยมที่สุด รวมทั้งประเทศไทยสามารถดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างสมดุล โดยมีปฏิสัมพันธ์กับนานาประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้ฟื้นฟูเกียรติภูมิของประเทศให้รอดพ้นจากสภาวะรัฐล้มเหลวเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก

  • พล.อ.ประยุทธ์ฯ (นรม. และ หน.คสช.) และคณะได้เดินทางพบปะชุมชนไทยในสหราชอาณาจักรเมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ โดยเปิดเผยว่าระหว่างนี้จะมีพระราชพิธีสำคัญ คือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะทรงมีพระราชวินิจฉัยให้จัดงานดังกล่าว โดยพระองค์ทรงมีรับสั่งว่าให้จัดอย่างประหยัด ไม่สิ้นเปลือง ขอเพียงให้ครบตามจารีตประเพณีที่กำหนดเท่านั้น และพระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลในการทำงานตรงนี้ให้เรียบร้อย พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้บ้านเมืองเป็นระเบียบวินัย มีการปลูกฝังคนในเรื่องของจิตอาสา เช่น การขุดลอกคูคลอง โดยในสัปดาห์หน้า นรม. และ ครม. ทั้งหมดต้องไปทำจิตอาสาขุดลอกคูคลอง ซึ่งเราทุกคนจะต้องทำเพื่อสร้างความร่วมมือตามแนวพระราโชบายของพระองค์

ข่าวการเมือง

  • พล.ต.อ.อดุลย์ฯ  รมว.รง. กล่าวภายหลังประชุม คกก. นโยบายบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อพิจารณาการกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 60 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กรมการจัดหางานในฐานะฝ่ายเลขานุการที่เสนอประเด็น ดังนี้ 1. งานที่ปลดล็อกให้คนต่างด้าวทำได้  จำนวน 1 งาน ได้แก่ กรรมกร ซึ่งแรงงานต่างด้าวจะต้องเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย และ 2. งานห้ามทำโดยมีเงื่อนไข จำนวน 11 งาน แบ่งเป็นงานที่ขาดแคลนแรงงานและจะอนุญาตให้ทำได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยไม่กระทบต่อโอกาสการมีงานทำของคนไทย ซึ่งคนต่างด้าวต้องเป็นลูกจ้างเท่านั้น มี 8 งาน ได้แก่ (1) กสิกรรม เลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรือประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความชำนาญงานเฉพาะสาขา ควบคุมดูแลฟาร์ม (2) ก่ออิฐ ช่างไม้ หรือก่อสร้างอื่น (3) ทำที่นอนหรือผ้าห่มนวม (4) ทำมีด (5) ทำรองเท้า (6) ทำหมวก (7) ประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย และ (8) ปั้นหรือทำเครื่องปั้นดินเผา และงานที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งคนต่างด้าวต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายไทยก่อนขอรับใบอนุญาตทำงาน มี 3 งาน ได้แก่ (1) ควบคุม ตรวจสอบ ปฏิบัติงานหรือให้บริการทางบัญชี (2) งานในวิชาชีพวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมโยธา ที่เกี่ยวกับงานออกแบบและคำนวณ จัดระบบ วิจัย วางโครงการทดสอบ ควบคุมการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ และ (3) งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับงานออกแบบ เขียนแบบ ประมาณราคา อำนวยการก่อสร้างหรือให้คำแนะนำ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาดมี 28 งาน แบ่งเป็นงานที่แสดงถึงอัตลักษณ์ไทยและส่งเสริมการสืบทอดภูมิปัญญาไทย จำนวน 16 งาน ได้แก่ (1 ) แกะสลักไม้ (2) ทอผ้าด้วยมือ (3) ทอเสื่อหรืองานทำเครื่องไม้ด้วยกก หวาย ปอฟาง หรือเยื่อไม้ (4) ทำกระดาษสาด้วยมือ (5) ทำเครื่องเขิน (6) ทำเครื่องดนตรีไทย (7) ทำเครื่องถม (8) ทำเครื่องทอง เครื่องเงิน หรือเครื่องนาก (9) ทำเครื่องลงหิน (10) ทำตุ๊กตาไทย (11) ทำบาตร (12) ทำผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมด้วยมือ (13) ทำพระพุทธรูป (14) ทำร่มกระดาษหรือผ้า (15) เรียงตัวพิมพ์อักษรไทยด้วยมือ (16) สาวหรือบิดเกลียวไหมด้วยมือ และงานที่คำนึงถึงโอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทย จำนวน 11 งาน ได้แก่ (1) ขับขี่ยานยนต์ในประเทศหรือขับขี่ยานพาหนะที่ไม่ใช้เครื่องจักรหรือเครื่องกลในประเทศ ยกเว้นขับขี่เครื่องบินระหว่างประเทศ (2) ขายของหน้าร้าน (3) ขายทอดตลาด (4) เจียระไนหรือขัดเพชรหรือพลอย (5) ตัดผม ดัดผมหรืองานเสริมสวย (6) นายหน้าหรืองานตัวแทน ยกเว้นงานนายหน้าหรืองานตัวแทนในธุรกิจการค้าหรือการลงทุนระหว่างประเทศ (7) มวนบุหรี่ด้วยมือ (8) มัคคุเทศก์หรืองานจัดนำเที่ยว (9) เร่ขายสินค้า (10) เสมียนพนักงานหรือเลขานุการ และ (11) ให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี ยกเว้นงานปฏิบัติหน้าที่อนุญาโตหรืองานให้ความช่วยเหลือหรือทำการแทนในการดำเนินกระบวนการพิจารณาชั้นอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งงานที่แสดงถึงอัตลักษณ์ไทยฯ และคำนึงถึงโอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทย 1 งาน ได้แก่ นวดไทย
  • นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. เปิดเผยว่า ภายหลัง ตผ. มีมติไม่ส่งคำร้องของ กสม. ไปให้ศาล รธน. พิจารณาวินิจฉัยกรณี พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 60 มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อ รธน. ปี 60 หรือไม่นั้น ตนและกรรมการ กสม. รวม 3 คน ได้ใช้สิทธิตาม ม.48 ของ พ.ร.ป. ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 61 ยื่นคำร้องต่อศาล รธน. โดยตรง เพื่อให้วินิจฉัยกรณีการเซตซีโร่ กสม. ทั้งคณะตาม พ.ร.ป.กสม. ว่าขัดหรือแย้งต่อ รธน. ปี 60 หรือไม่ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ศาล รธน. กำลังพิจารณาวินิจฉัยว่าจะรับคำร้องของพวกตนหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ตาม รธน. ปี 60 และ พ.ร.ป. ศาล รธน. กำหนดว่าบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพสามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาล รธน. ได้ 2 กรณี คือ 1. ยื่นขอให้วินิจฉัยว่าการกระทำขัดหรือแย้งต่อ รธน. ตาม ม.7 (11) ประกอบ ม. 46 ของ พ.ร.ป.ศาล รธน.  และ 2. ยื่นขอให้วินิจฉัยว่าการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพเป็นผลจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อ รธน. ตาม ม.48 ของ พ.ร.ป. ศาล รธน. ซึ่งทั้งสองมาตรามีเงื่อนไขสำคัญว่าบุคคลนั้นต้องไปร้องต่อ ตผ. ก่อน นายวัสกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีทั้งกรณีตาม ม.46 และ ม.48 ศาล รธน. มีอำนาจไม่รับคำร้องไว้พิจารณาได้ด้วยเหตุผล 2 ข้อเท่านั้น คือ 1. คำร้องไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย หรือ 2. เป็นกรณีต้องห้ามตาม ม. 47 ดังนั้น หากศาล รธน. จะไม่รับคำร้องที่บุคคลผู้ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่ รธน. คุ้มครองไว้ และการละเมิดนั้นเป็นผลจากบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อ รธน. จึงน่าจะไม่ชอบด้วย รธน. และ พ.ร.ป. ศาล รธน.

ข่าวเศรษฐกิจ

  • นายพรชัย ฐีระเวช โฆษก สศค. เปิดเผยความคืบหน้าแก้หนี้นอกระบบว่า สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 59 ที่ กค. เปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เป็นต้นมาจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. 61 นั้น มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 480 รายใน 66 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 46 ราย กทม. 39 ราย และร้อยเอ็ด 30 ราย ทั้งนี้ คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 76 รายใน 39 จังหวัด จึงมีนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิ 404 รายใน 64 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 357 รายใน 63 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้เปิดดำเนินการ 248 รายใน 59 จังหวัด และมีผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อ 204 รายใน 56 จังหวัด โดยสิ้นเดือน เม.ย. 61 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 17,335 บัญชี รวมเป็นเงิน 463.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 26,744.70 บาทต่อบัญชี ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมมีทั้งสิ้น 4,825 บัญชี คิดเป็นเงิน 148.15 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินของ ธ.ออมสินและ ธ.ก.ส. สิ้นเดือน พ.ค. 61 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 251,531 ราย เป็นเงิน 11,227.93 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 235,481 ราย เป็นเงิน 10,518.42 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 60 ที่มีหนี้นอกระบบ 16,050 ราย เป็นเงิน 709.51 ล้านบาท ขณะที่การดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายตั้งแต่เดือน ต.ค. 59 จนถึงสิ้นเดือน พ.ค. 61 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 2,633 คน

  • นายดอน นาครทรรพ ผอ.อาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. เปิดเผยว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อและเข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ไม่เฉพาะระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเท่านั้น แต่ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป แคนาดา และเม็กซิโกด้วย โดยทำให้ความเสี่ยงจากสงครามการค้าโลกเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดต่อการขยายตัวของการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ซึ่ง ธปท. ได้ประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยล่าสุดที่ร้อยละ 9 ต่อปีในปี 61 และร้อยละ 5 ในปี 62 โดยนับเพียงมาตรการภาษีที่มีความชัดเจนแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ กระแสการกีดกันการค้าโลกไม่ได้กระทบเฉพาะการค้าระหว่างประเทศแต่รวมถึงการลงทุนระหว่างประเทศด้วย

ข่าวต่างประเทศ

  • สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงอูลานบาตาร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่า นายราชนัธ ซิงห์ รมว.มท.อินเดีย เข้าร่วมพิธีเริ่มการก่อสร้างโรงกลั่นร่วมกับ นรม. คูห์เรลซุคห์ อุคนา ของมองโกเลีย ที่มุมขอบห่างไกลของทะเลทรายโกบีมองโกเลีย โดยหวังว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นจีดีพีสูงถึง 10 % เศรษฐกิจของมองโกเลีย และคาดว่าโรงกลั่นใหม่จะผลิตน้ำมันเบนซินได้ปีละ 560,000 ตัน น้ำมันดีเซลปีละ 670,000 ตัน และแก๊สธรรมชาติเหลว 107,000 ตัน นอกจากนั้นยังจะมีการก่อสร้างท่อส่งระยะทางกว่า 500 กม. เพื่อขนส่งน้ำมันดิบจากบ่อน้ำมันในจังหวัดดอร์นอดของมองโกเลียอีกด้วย

สภาพอากาศ

  • พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง เว้นแต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนมากกว่าภาคอื่นๆ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมาห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง