23 กรกฎาคม 2561

ข่าวในประเทศ

  • สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และคณะมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ประกอบด้วย เครื่องอุปโภค-บริโภค จำนวน 600 ชุด ไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยภัยในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชั่น “เซินติญ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือของประเทศไทย มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนตำบลหนองลู และตำบลไล่โว่ จำนวน 400 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวน 300 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันเกิดภัย

 

  • พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ และประชุมคณะรัฐมนตรี มีกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ให้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพด้านคมนาคม รองรับระบบโลจิสติกส์ และเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งสมุนไพร  จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ครั้งที่ 5 ปี 2561 ของ เพื่อติดตามการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ การพัฒนาแพทย์แผนไทย อนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้เพื่อสร้างสมดุลธรรมชาติ อนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ มุ่งไปสู่เป้าหมายการพัฒนากลุ่มจังหวัด คือ “อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและเกษตรอินทรีย์เพิ่มมูลค่า การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การค้าชายแดนได้มาตรฐานสากล” นอกจากนี้คณะรัฐมนตรี จะพิจารณาข้อเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัด เช่น การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งทางถนน ทางอากาศ และทางราง การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแก้ปัญหาน้ำท่วม การยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและการส่งเสริมการท่องเที่ยว  ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำการลงพื้นที่และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ วันที่ 23-24 กรกฎาคม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการติดตามรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนโดยตรงจากประชาชน ขออย่ามองเป็นเรื่องการเมือง เพราะวันนี้ต้องเดินหน้าด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย

ข่าวการเมือง

  • พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหว และปรากฏการณ์การใช้พลังดูด ส.ส. ของพรรคการเมืองในช่วงนี้ ว่า การเคลื่อนไหวอะไรก็ตาม ที่ยังทำภายใต้กรอบกฎหมาย ทาง คสช. เพียงแค่ติดตามดูความเคลื่อนไหวเท่านั้น ดังนั้นทุกคนต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมาย และอำนาจหน้าที่ ต่างคนต่างไม่ละเมิด ก้าวล่วงกัน ส่วนผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็บังคับใช้อย่างถูกต้องเป็นธรรม ก็จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น การบริหารราชการแผ่นดินก็สามารถเดินต่อไปได้ตามกรอบโรดแม็ป เพื่อนำไปสู่ความมุ่งหมายร่วมกันของพี่น้องคนไทย คือ มีการเลือกตั้งช่วงต้นปี 2562 ซึ่งทุกอย่างยังคงเป็นไปตามนี้ และยังไม่มีอะไรที่จะทำให้ต้องทำให้นอกเหนือไปจากนี้ได้

ข่าวเศรษฐกิจ

  • นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มในขณะนี้ที่มีความผันผวนมาก ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบปรับลดอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 13 สตางค์ต่อลิตร โดยยืนยันไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ส่งผลให้ภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีรายจ่าย 1,040 บาทต่อเดือน เป็นมีรายจ่ายเหลือ 315 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันสถานภาพเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 ก.ค. 2561 บัญชีน้ำมัน มีฐานะเป็นบวกสุทธิ 29,673 ล้านบาท เพื่อสามารถมีเงินนำมารักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในประเทศได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยจากสถานการณ์ด้านราคาก๊าซแอลพีจี ตลาดโลกขณะนี้มีความผันผวนมาก ที่ประชุม กบง. ยังมีมติให้กำหนดบัญชีแอลพีจี ของกองทุนน้ำมันฯ สามารถติดลบได้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์แอลพีจี ให้เกิดเสถียรภาพในการรักษาระดับราคาแอลพีจีขายปลีกขนาดถัง 15 กิโลกรัม ให้คงอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง ซึ่งต้องใช้เงินอุดหนุน 560 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่ในระดับนี้ได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน
  • นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้เร่งรัดในการยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกให้มีความแข็งแกร่งทั้งในส่วนของการประกอบธุรกิจ และการขยายช่องทางการตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยใช้ระบบอี-คอมเมิร์ซเข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้บูรณาการให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อยกระดับร้านค้าฯ ให้เป็น ‘ร้านโชวห่วย-ไฮบริด’ ซึ่งนอกจากจะจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคผ่านทางหน้าร้านปกติแล้ว ยังสามารถจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีผ่านช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย ทำให้เกิดรายได้แก่ร้านค้าอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะคัดเลือกสินค้าจากผู้ประกอบการสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีที่ผ่านการส่งเสริมจากกระทรวงฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ผู้ผลิตมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการรองรับคำสั่งซื้อจากร้านค้าทั่วประเทศ ยอมรับเงื่อนไขของการจัดส่งสินค้าและการรับชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ผลิตสินค้าฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระต้นทุนการจัดส่งสินค้า โดยจะได้ส่วนต่างกำไร (Margin) จากการจำหน่ายสินค้า ส่วนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการฯ จะดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘โชวห่วย-ไฮบริด’ ของกระทรวงพาณิชย์ ทางระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ดังกล่าวไปใช้งาน ผู้ใช้งานของร้านค้าฯ จะต้องได้รับการยืนยันตัวตนจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่ระบบการซื้อขายสินค้าชุมชนออนไลน์ได้

ข่าวต่างประเทศ

  • นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของสหรัฐอเมริกา กล่าวในที่ประชุมผู้นำด้านการเงินการคลังกลุ่ม จี20ว่า เขากำลังนำเอาข้อเสนอของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้พูดเอาไว้กับบรรดาพันธมิตร จี7 (กลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมสำคัญของโลก) กลับมาเสนอใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ เนื้อหาสำคัญของข้อเสนอนี้ ก็คือ ให้ทุกๆ ชาติพันธมิตรยกเลิกกำแพงกีดกั้นการค้าระหว่างกันให้หมดสิ้น “ถ้ายุโรปเชื่อในการค้าเสรี เราก็พร้อมจะลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีด้วย” นายมนูชิน ยังกล่าวเสริมว่าข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องยกเลิกทั้งกำแพงทางภาษีศุลกากร กำแพงที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร และการอุดหนุนทั้งหลายทั้งปวง สำหรับเรื่องที่มนูชินยื่นข้อเสนอใหม่ต่อกลุ่ม จี7 ซึ่งสมาชิกมีทั้งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังมีความพยายามครั้งใหม่เพื่อปัดฝุ่นการเจรจาที่ชะงักไปกับเม็กซิโกและแคนาดา ในเรื่องการปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ให้ทันสมัยด้วยนั้น เหล่านี้บังเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯกับจีนกำลังประจันหน้ากันในข้อพิพาทการค้าที่กำลังบานปลายโดยไม่มีท่าทีว่าจะเปิดเจรจาทำความตกลงกัน นายมนูชินไม่ได้มีนัดหมายหารืออย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่จีนใด ๆ ในการประชุม จี 20 คราวนี้ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากคู่เจรจาปกติของเขา คือ รองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ของจีน ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมคราวนี้ด้วย
  • ศูนย์เฝ้าระวังแผ่นดินไหวของอิหร่านรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 แมกนิจูด ที่จังหวัดเคอร์มาน ทางตอนหลางของอิหร่านในวันนี้ (23 กรกฎาคม 2561) จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร โดยในเบื้องต้นวัดพิกัดได้ที่ 30.365 ละติจูดองศาเหนือ และ 57.499 ลองจิจูดองศาตะวันออก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวหรือมีรายงานทรัพย์สินเสียหาย นอกจากนี้ ล่าสุดมีรายงานเหตุอาฟเตอร์ช็อคเกิดขึ้นมากกว่า 20 ครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดแผ่นดินไหวได้ไม่นาน ผู้คนในพื้นที่ได้รีบหนีออกจากบ้านมายังบริเวณถนนด้วยความตระหนก และขณะนี้ยังคงอยู่บริเวณนอกอาคาร ขณะที่ทางการอิหร่านได้ส่งหน่วยกู้ภัยไปยังพื้นที่เกิดเหตุแล้ว

สถานการณ์น้ำและอากาศ

  • บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝนลดลงในระยะนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง อนึ่ง พายุโซนร้อน “อ๊อมปึล” ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีนแล้ว โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย สำหรับผู้ที่จะเดินทางผ่านบริเวณดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวตังเกี๋ย พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความเร็วลมสูงสุด ใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 23-24 กรกฎาคม 2561 ส่งผลกระทบทำให้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีกำลังปานกลาง