ข่าวในประเทศ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมร่วมกับแกนนำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 20 คน พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายณรงค์ฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ผอ.องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) โดยให้สื่อเข้าร่วมรับฟัง ตามที่เกษตรกรร้องเรียนให้ รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ไขปัญหาการบิดเบือนปริมาณน้ำนมดิบเกินจริงในโครงการนมโรงเรียนงบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยรมว. กษ. กล่าวว่า ให้คณะอนุกรรมการนมโรงเรียน ไปตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาปรับระบบโครงสร้างนมโรงเรียนทั้งหมด โดยมี นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นประธานให้จบใน 30 วัน เพื่อดูว่าสมควรจะมีการทบทวนรื้อระบบการจัดหาอาหารเสริม (นมโรงเรียน) หรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการร้องเรียนว่า ผลผลิตนมดิบเกินกว่าความเป็นจริงที่ผลิตได้แต่ละวัน และส่งผลให้ตัวเลขการลงนามซื้อขายนมของนมพาณิชย์และนมโรงเรียนผิดไปจากข้อเท็จจริง จนเป็นช่องให้หาผลประโยชน์กับโครงการนี้ได้

ข่าวการเมือง

วันที่ 24 ก.ย.2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่าสนใจการเมือง แต่การตัดสินใจอย่างไรหรือจะสนับสนุนเป็นเรื่องในอนาคตจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง วันนี้สนใจการเมืองเพราะสนใจในสิ่งที่ทำลงไปว่าไปถึงไหน วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่ “ผมสนใจงานการเมือง เพราะผมรักประเทศชาติของผมก็คงเป็นเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนด้วยก็ต้องรักประเทศไทยของเรา ก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะว่าอย่างไรในอนาคต” นรม. กล่าว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.นร. กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองหลังมีข่าวจะเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐว่า ให้อดใจรอวันที่ 29 ก.ย.นี้พรรคพลังประชารัฐจะมีการจัดประชุมใหญ่ แต่ยอมรับว่าพร้อมรับตำแหน่งโฆษกพรรคหากได้รับการเสนอชื่อ เพราะอยากสานต่องานที่รัฐบาลชุดนี้ทำมา ซึ่งหลายเรื่องประสบความสำเร็จ เช่น กฎหมายขายฝาก และโครงการชุมชนไม้มีค่า ส่วนความชัดเจนเกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ก็ให้รอวันที่ 29 ก.ย. เช่นกัน ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว และในการประชุม ครม.พรุ่งนี้ ก็จะแจ้งให้ที่ประชุมทราบอีกครั้ง โดยนายกอบศักดิ์ฯ ยอมรับว่า ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนจะเข้าไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ขอให้ไปถามเจ้าตัวเอง หรือรอดูในวันที่ 29 ก.ย. ก็จะได้ความชัดเจนมากกว่าพูดไปล่วงหน้า ซึ่งในวันนั้นจะมีการประกาศจุดยืนต่างๆ และนโยบายของพรรค

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ห้องรับรองพิเศษชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2 นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการ ประสานงานกรณีกู้ชีพฉุกเฉิน สนช.เป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณเพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ได้ให้การสนับสนุนและร่วมบูรณาการขับเคลื่อนกิจกรรมของคณะกรรมการฯ จนสำเร็จลุล่วง ตามแผนที่กำหนดไว้ และได้รับการตอบรับจากสังคมเป็นอย่างดียิ่ง จำนวน 33 หน่วยงาน นายสุรชัยฯ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการที่ผ่านมา ได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับสังคมมาแล้วมากมาย อาทิ การรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนร่วมเปิดทางให้รถกู้ชีพฉุกเฉิน “ให้ทาง = ช่วยชีวิต” จัดทำช่องทางพิเศษสำหรับรถกู้ชีพฉุกเฉิน (Emergency Lane) เปิดใช้แล้ว ณ บริเวณหน้าโรงพยาบาลราชวิถี การอบรมให้ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ AED และการมอบรางวัลในโครงการ “เสริมสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนจากคลิป VDO” ให้กับเจ้าของคลิปที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะทำงานฯสำหรับคลิปที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะทำงานให้ได้รับรางวัลประจำเดือน ก.ค. และเดือน ส.ค. 2561 มีจำนวน 20 คลิป

ข่าวเศรษฐกิจ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานประชุมหอการค้าไทย-สหรัฐ ว่า ในวันที่ 25 ก.ย. นี้ จะนำคณะนักธุรกิจอเมริกันชุดเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. เพื่อรับทราบนโยบายต่างๆ ส่วนการประชุมครั้งนี้ได้มีการเอ็มโอยู 2 ฉบับ เพื่อเป็นการช่วยโปรโมตเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนให้เติบโต ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีที่ทางสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ไทยเตรียมความพร้อมในเรื่องของบุคลากรด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการลงทุนด้านดิจิทัลที่เกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งการต่อยอดโอกาสด้านดิจิทัลให้เอสเอ็มอีเข้าถึงเพื่อส่งเสริมศักยภาพการค้าระหว่างประเทศในอนาคต “การลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) 2 ฉบับ คือ การตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งนอกจากจะมีการสัมมนาร่วมกันแล้ว นักธุรกิจไทยและสหรัฐฯ จะมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างกัน” ทั้งนี้ ปัจจุบันการลงทุนของภาคเอกชนสหรัฐฯ ในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศไทยกว่า 1 แสนตำแหน่ง นอกจากนี้ในปี 60 ยังมีการลงทุนจากสหรัฐฯจำนวน 33 โครงการ ที่ได้รับการส่งเสริมลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และคาดว่าจะมีโครงการลงทุนจากสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ยอดปล่อยสินเชื่อของธอส.ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 189,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึง 19 ก.ย.ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 154,000 ล้านบาท สูงสุดในประวัติการณ์ คาดว่าเดือนพ.ย. แตะ 200,000 ล้านบาท และทั้งปีจะอยู่ที่ 220,000 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 2 ส่วนคือ นโยบายของรัฐให้ตรึงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้ และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยการปรับพิจารณาสินเชื่อรองรับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลปัจจุบันอยู่ที่ 4.40% เป้าหมายทั้งปี 4.06% สาเหตุที่เพิ่มขึ้นมาจากการปล่อยสินเชื่อปีนี้เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีแผนขายเอ็นพีแอล 1,000 กว่าล้านบาท ให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) ทำให้เอ็นพีเอลง 0.1% และเตรียมเสนอแผนบริหารจัดการเอ็นพีแอลหลังจากพรบ.ธอส. ผ่านสภาฯ คาดว่าปีหน้าจะขยายขอบเขตธุรกิจออกไปได้อีก ทั้งสลากออมทรัพย์ การขายหนี้เอ็นพีแอล และการขายเอ็นพีเอ

ข่าวต่างประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ว่า สนามบินเวสเทิร์น ซิดนีย์ กำหนดเปิดให้บริการในปี 2569 ส่วนหนึ่งของความพยายามรับมือกับจำนวนผู้โดยสารเครื่องบินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายสก๊อต มอร์ริสัน กล่าวในระหว่างพิธีเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันจันทร์ ว่าเป็นสิ่งวิเศษสุดที่การก่อสร้างสามารถเริ่มขึ้นได้ หลังเกิดความล่าช้ายาวนานในขั้นตอนวางแผน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า จำนวนผู้โดยสารเครื่องบินทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 7,800 ล้านคน ภายในปี 2579 และคาดว่าซิดนีย์จะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 2 ทศวรรษหน้า โดยสายการบินราคาประหยัดยังคงเป็นปัจจัยหลักของการเติบโต ทำให้ราคาตั๋วโดยสารเส้นทางไกลลดลง และกระตุ้นความต้องการกลุ่มผู้สนับสนุนโครงการสนามบินใหม่กล่าวว่า แม้จะมีการยกเลิกข้อจำกัดด้านการบิน ที่สนามบินปัจจุบันของซิดนีย์ แต่คาดว่าจะไม่สามารถรับมือกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้ ในขั้นตอนแรก สนามบินเวสเทิร์น ซิดนีย์ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 10 ล้านคนต่อปี หรือประมาณ 25 % ของผู้โดยสารทั้งหมดที่ใช้บริการผ่านเข้าสู่สนามบินซิดนีย์ปัจจุบัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ 80.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.3 % เมื่อเวลา 08.30 น. วันจันทร์ ตามเวลามาตรฐานสากล ส่วนราคาน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นต่ำ (light crude) ของสหรัฐ สูงขึ้น 1.35 ดอลลาร์ อยู่ที่ 72.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สินค้าคงคลังน้ำมันดิบพานิชย์ของสหรัฐ อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2558 และแม้ว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะสูงเกือบเป็นสถิติใหม่ที่ 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่การผลิตจากการขุดเจาะมีแนวโน้มซบเซาลง 2 บริษัทผู้ค้าโภคภัณฑ์ แทรฟิกูราและเมอร์คิวเรีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจสูงขึ้นถึง 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และผ่านหลัก 100 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2562 เมื่อตลาดตึงตัวทันทีที่มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน มีผลบังคับเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือน พ.ย. ส่วนบริษัท เจ.พี. มอร์แกน กล่าวว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน จะทำให้น้ำมันหายไปจากตลาดวันละ 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนเมอร์คิวเรียเตือนว่า น้ำมันอาจหายไปจากตลาดโลกมากถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

สภาพอากาศ

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีปริมาณฝนน้อยลง ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคง มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังอันตรายจากฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “จ่ามี” (TRAMI) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนเข้าประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 29-30 กันยายน 2561 นี้ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย