23 มกราคม 2562

ข่าวในประเทศ

  • รมว.มท. (พล.อ. อนุพงษ์ฯ) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการของ มท. ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเฉพาะการเตรียมพิธีตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ว่า กำหนดการเบื้องต้นในวันที่ 6 เม.ย. 62 จะเป็นพิธีพลีกรรมตักน้ำ จากนั้นในวันที่ 8 เม.ย. 62 จะมีพิธีเสกน้ำในวัดในพื้นที่ต่าง ๆ และจะนำน้ำมาเข้าพิธีอภิเษกในวันที่ 18 เม.ย. 62 ที่วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรวิหาร และวันที่ 19 เม.ย. 62 จะเป็นพิธีอัญเชิญน้ำที่ผ่านการประกอบพิธีไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ตักน้ำ บางจังหวัดที่มีแหล่งน้ำหลายแห่ง จะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมเป็นผู้ตัก ซึ่งจะมีฤกษ์ของวันและเวลาที่ตักน้ำพร้อมกันทั่วประเทศ รวม 108 แห่ง โดยมีแม่น้ำสำคัญ 5 สาย ประกอบด้วย แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำราชบุรี และแม่น้ำเพชรบุรี และสระสำคัญอีก 4 แห่งใน จ.สุพรรณบุรี ประกอบด้วย สระเกษ สระแก้ว สระคงคา และสระยมนา ทั้งนี้ แม่น้ำสำคัญน่าจะอยู่ภายในหอศาสตราคมภายในพระบรมมหาราชวังแล้ว ในวันที่ 23 ม.ค. 62 รัฐบาลจะประชุมเตรียมการก่อนประชุมใหญ่ที่มีสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในวันที่ 26 ม.ค. 62 เพื่อให้สาระในการประชุมเป็นไปอย่างกระชับ

  • นรม. กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ว่า โรงซ่อมการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุจากการกระทำของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ หามาตรการป้องกันแล้ว สำหรับการติดเครื่องยนต์รถรอเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการนั้น ตนเองได้ทำเป็นตัวอย่าง และได้สั่งเน้นย้ำส่วนราชการให้ถือปฏิบัติแล้ว จึงขอความร่วมมือรถยนต์ส่วนบุคคลและรถแท็กซี่ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นต้องกำหนดบทลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตาม

ข่าวการเมือง

  • นรม. กล่าวถึงสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลายฝ่ายมีความกังวลว่าจะถูกทำให้เข้าใจผิดเป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาว่า ขออย่าเข้าใจผิด เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนา ซึ่งองค์กรความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ได้ส่งผู้แทนประเทศมุสลิมมาเยี่ยมเยือนหลายครั้ง โดยได้จัดคณะทำงานมาดูการทำงานในพื้นที่ สอบถามเจ้าหน้าที่และประชาชนแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางศาสนา จึงขอให้อย่าขยายความขัดแย้ง เพราะมีหลายกลุ่มที่ต้องการยกระดับตนเองให้เป็นที่ยอมรับ ทำให้เป็นสงครามแย่งชิงทางความคิด ขอให้ประชาชนอย่าตกหลุมพรางความคิด เพราะกลุ่มเหล่านั้นต้องการทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เพื่อกดดันรัฐบาลให้ได้ตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว จุดอ่อนไหวและพื้นที่เสี่ยงในการก่อเหตุมีจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น วัด โรงเรียน เด็ก ครู สถานที่ประกอบการ รวมถึงสถานที่ของทหารต่างเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ต้องหามาตรการทางการข่าวที่เหมาะสม เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น และประชาชนในพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือด้วย เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม

ข่าวเศรษฐกิจ

  • ที่ปรึกษา รมต.นร. (นายณัฐพรฯ) เปิดเผยว่า ครม. มีมติ (22 ม.ค. 62) เห็นชอบ เรื่อง การศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียดของรูปแบบการพัฒนาในพื้นที่ จ.ชุมพร – ระนอง และพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี – นครศรีธรรมราช (การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน) (Southern Economic Corridor : SEC) ใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ (1) การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (2) การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (3) การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง และ (4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรม และการพัฒนาเมืองน่าอยู่ รวมทั้งสิ้น 116 โครงการ กรอบวงเงินปี 62 – 65 รวม 106,790.13 ล้านบาท  โดยมีโครงการจำเป็นเร่งด่วน (Quick – win) 5 โครงการ วงเงิน 448.6973 ล้านบาท ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ประกอบด้วย จ.ระนอง จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช) อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor : SEC) มีวัตถุประสงค์จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และเป็นต้นแบบการพัฒนาศูนย์กลางความเจริญในแต่ละภูมิภาคของประเทศ

  • รมว.พณ. (นายสนธิรัตน์ฯ) เปิดเผยว่า ครม. มีมติ (22 ม.ค. 62) เห็นชอบให้เพิ่มเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ และบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล หมวดบริการ เป็นสินค้าและบริการควบคุม เพื่อแก้ไขปัญหาค่ายาและค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลสูงเกินจริง และยกเลิกเยื่อกระดาษ แบตเตอรี่รถยนต์ เม็ดพลาสติก และน้ำตาลทราย ออกจากรายการสินค้าควบคุม ตามที่ พณ. เสนอ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องตั้งอนุกรรมการหารือแนวทางการพิจารณาควบคุมราคา ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนภาคประชาชน และตัวแทนสถานพยาบาล ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพิจารณาแนวทางที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย แล้วเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ตามขั้นตอนต่อไป และยังจะไม่กำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลสูงสุด ไม่แทรกแซงดังที่ฝ่ายโรงพยาบาลเอกชนหวั่นเกรง ทั้งนี้ ยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มในบัญชีสินค้าและบริการควบคุม เป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาทบทวน ประจำปี 62 ตามที่ พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำหนดให้ต้องทบทวนทุกปี

  • ครม. มีมติ (22 ม.ค. 62) เห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรัษฎากร (ฉบับที่…) พ.ศ. … (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2560 มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้ สำหรับบุคคลธรรมดา ให้หักลดหย่อนได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้าง และการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้วต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 61 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 63 มาตรการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการบริจาคเพื่อการศึกษา โดยกองทุนจะสามารถนำเงินบริจาคไปอุดหนุนโรงเรียนที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนใดจัดสรรงบประมาณหรือเงินทุนให้

ข่าวต่างประเทศ

  • เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า เทศกาลตรุษจีน หรือที่เรียกว่า Lunar New Year ซึ่งจะตรงกับวันที่ 5 ก.พ. 62 มีการคาดการณ์ว่า ชาวจีนจำนวนกว่า 7 ล้านคน จะเดินทางท่องเที่ยวเกือบ 3,000 ล้านครั้ง ทั้งในและนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. จนถึง 1 มี.ค. 62 ทั้งนี้ ทางการจีนได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการขนส่งทุกประเภท ขณะที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคมนาคมคาดว่าความหนาแน่นของการเดินทางทุกประเภทจะคึกคักมากถึง 2,900 ล้านเที่ยว โดยทางการจีนประเมินเบื้องต้นว่า จะมีผู้โดยสารเดินทางโดยรถยนต์เกือบ 1,000 ล้านคน ทางเครื่องบินกว่า 73 ล้านคน และทางรถไฟกว่า 413 ล้านคน นอกจากนี้ รายงานของ “นีลเส็น” ระบุว่า ประเทศเป้าหมายหลักๆ ของชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะเป็นประเทศในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ขณะที่ “สหรัฐอเมริกา” ยังเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของจีน แม้ว่ารัฐบาลทั้งสองยังคงไม่สามารถคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างกันได้ โดยข้อมูลดังกล่าวยืนยันจากการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก รวมไปถึงการค้นหาสถานที่น่าท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ด้วย ทั้งนี้ “Ctrip” ตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของจีน กล่าวว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน และยุโรปมากที่สุด อีกทั้งยังกล่าวว่า บริษัทท่องเที่ยวอื่น ๆ ราคาแพจเก็จท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ราคาเพิ่มขึ้นราว 30-50% จากราคาปกติ ขณะที่ปีที่ผ่านมา พบว่าชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น และจับจ่ายใช้สอยในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ 5.13 ล้านล้านหยวน หรือราว 755.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น 12.3%

  • สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน (21 ม.ค. 62) ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุเตือนว่า การเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปัญหาเบร็กซิท และภาวะความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยคุกคามที่จะฉุดลากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกให้ดำดิ่งลงมากขึ้นอีก เป็นผลให้ไอเอ็มเอฟต้องปรับลดการคาดการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลง โดยไอเอ็มเอฟคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโลกในปีนี้จะเติบโตที่ร้อยละ 3.5 ลดลงจากที่ไอเอ็มเอฟเคยประมาณการเอาไว้ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 63 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.6 การเผยแพร่รายงานคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ของไอเอ็มเอฟยังมีขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการประชุมประจำปีผู้นำทางเศรษฐกิจและการเงินจากทั่วโลกในเวทีการประชุมเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าจะมีการเรียกร้องขอความร่วมมือกันจากทุกฝ่ายในการขจัดความเสี่ยงภัยคุกคามต่าง ๆ ที่มีต่อเศรษฐกิจโลก เขตเศรษฐกิจหลายชาติสำคัญได้เห็นการปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจลงอย่างมาก ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเยอรมนี อิตาลี และเม็กซิโก ส่วนฝรั่งเศสปรับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดีสองชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกาและจีนยังไม่มีการปรับการลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงไปมากแต่อย่างใด โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.5 และในปีหน้าโตร้อยละ 1.5 ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าทั้งในปีนี้และปีหน้าจะเติบโตที่ร้อยละ 6.2

สภาพอากาศ

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง