30 ธันวาคม 2561

ข่าวในประเทศ


  • กองอำนวยการร่วมจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ แจ้งขอเชิญประชาชนร่วมนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2562 ในงานอุ่นไอรักฯ และชมการแสดงดนตรีของวงดุริยางค์ทหารบก ณ บริเวณสนามเสือป่า ตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 61 ถึงเวลา 00.30 น. วันที่ 1 มกราคม 62 นอกจากนี้ ได้รายงานยอดประชาชนเข้าชมงานตลอดวันที่ 28 ธันวาคม 61 จำนวน 24,190 คน ซึ่งรวมประชาชนมาร่วมงานตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 61 แล้วทั้งสิ้น 441,946 คน
  • กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จัดเตรียมทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมอุปกรณ์ปฏิบัติงานสิ่งแวดล้อม ณ ที่ตั้งกรมควบคุมมลพิษ และเตรียมแผนการประสานการตอบโต้เหตุร่วมกับกรุงเทพมหานคร สํานักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1 – 16 เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมลพิษในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยหน่วยงานท้องถิ่นหรือประชาชนผู้พบเหตุสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านทางสายด่วน 1650


  • บริเวณหน้าด่านพรมแดนเชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา หมู่ 2 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามารอเข้าคิวยืนแถวยาวร่วม 1 กิโลเมตร เพื่อประทับตราเดินทางออกนอกราชอาณาจักรผ่านทาง อ.แม่สอด ข้ามฝั่งไปจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และบางส่วนนั่งเรือโดยสารข้ามฝั่งไปประเทศเมียนมากันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อกลับไปเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2562 ประกอบกับทางสถานประกอบการต่าง ๆ ในต่างจังหวัดที่ใช้แรงงานต่างด้าวได้หยุดงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ติดต่อหลายวัน ทำให้แรงงานเมียนมาส่วนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา

ข่าวการเมือง

  • นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทันว่า ตนไม่ทราบถึงกระแสข่าวดังกล่าว แต่ยืนยันรัฐบาลยังยึดโรดแม็พเลือกตั้งเดิม 24 ก.พ.62 ทั้งนี้ หากมีปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปจริง กกต. ต้องให้เหตุผลและอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจ เพราะรัฐบาลไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเลื่อน และขณะนี้ไม่มีสัญญาณอะไรจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลถึงกรณีดังกล่าว
  • Thailand Poll มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ว่าการเลือกตั้ง ปี 2562 จะเลือกพรรคการเมืองใดเป็นผู้บริหารประเทศต่อไป โดยประชาชนอายุช่วง 18-75 ปี จำนวนกว่า 54,861 ตัวอย่างของผู้ใช้เฟซบุ๊ก ตั้งแต่ 3-28 ธันวาคม 2561 สรุปผล ณ เวลา 19.06 น. 28 ธันวาคม 2561 ได้ข้อมูลดังนี้1.พรรคเพื่อไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ได้ 20,698 คะแนน คิดเป็น 37.72 % จำนวน ส.ส.พึงได้ 189 ที่นั่ง
    2.พรรคอนาคตใหม่ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ 14,511 คะแนน คิดเป็น 26.45% จำนวน ส.ส.พึงได้ 132 ที่นั่ง
    3.พรรคเสรีรวมไทย โดย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ได้ 7,611 คะแนน คิดเป็น 13.87% จำนวน ส.ส. พึงได้ 69 ที่นั่ง
    4.พรรคไทยศรีวิไลย์ โดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ และ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล ได้ 6,017 คะแนน คิดเป็น 10.96% จำนวน ส.ส.พึงได้ 55 ที่นั่ง
    5.พรรคไทยรักษาชาติ โดย ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช ได้ 2,228 คะแนน คิดเป็น 4.06% จำนวน ส.ส. พึงได้ 20 ที่นั่ง
    6.พรรคเพื่อชาติ โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ และ นายจตุพร พรมพันธุ์) ได้ 1,088 คะแนน คิดเป็น 1.98% จำนวน ส.ส.พึงได้ 10 ที่นั่ง
    7. พรรคเพื่อธรรม โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้ 711 คะแนน คิดเป็น 1.29% จำนวน ส.ส. พึงได้ 6 ที่นั่ง
    8.พรรคประชาชาติ โดย นายวันมูฮัมมัด นอมะทาได้ 648 คะแนน คิดเป็น 1.18% จำนวน ส.ส.พึงได้ 6 ที่นั่ง
    9. พรรคประชาธิปัตย์ โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ 479 คะแนน คิดเป็น 0.87% จำนวน ส.ส.พึงได้ 4 ที่นั่ง
    10.พรรคพลังประชารัฐ โดยนายอุตมะ สาวนายนต์ ได้ 364 คะแนน คิดเป็น 0.66% จำนวน ส.ส. พึงได้ 3 ที่นั่ง
    11.พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีระกุล ได้ 191 คะแนน คิดเป็น 0.348% จำนวนส.ส. พึงได้ 2 คน
    12.พรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้127 คะแนน คิดเป็น 0.23% จำนวนส.ส. พึงได้ 1 ที่นั่ง
    13. พรรคพลังพลเมืองไทย โดยนายเอกพร รักความสุข ได้ 92 คะแนน คิดเป็น 0.167% จำนวนส.ส. พึงได้ 1 ที่นั่ง
    14. พรรคประชาชนปฏิรูป โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ 92 คะแนน คิดเป็น 0.167% จำนวนส.ส. พึงได้ 1 ที่นั่ง
    และ 15. พรรคอื่นๆ รวมกัน อีก 1 ที่นั่ง รวมเป็น 500 ส.ส.

ข่าวเศรษฐกิจ


  • เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะโฆษก บก.ตม.2 เปิดเผยว่า มีผู้โดยสารเดินทางเข้าออกทางด่าน ตม.สุวรรณภูมิ สูงถึง 157,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2560 มีตัวเลขที่ 145,000 คน โดยในช่วงเที่ยวบินหนาแน่น จะมีผู้โดยสารสะสมจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดมสรรพกำลังเข้าประจำช่องตรวจเพื่อเร่งระบายอย่างเต็มที่ เพื่อคัดกรองตามมาตรการความมั่นคง ไม่ให้มีชาวต่างชาติฉวยโอกาสแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวปะปนเข้าก่อเหตุในประเทศ ตามที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เน้นย้ำไว้มาตลอด และที่เรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวคือการได้ร่วมถ่ายรูปกับทีมงาน ตม. 7 นางฟ้า ซึ่งชำนาญภาษาต่าง ๆ แต่งกายชุดไทยคอยต้อนรับ มอบ ส.ค.ส. จาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นที่ระลึก พร้อมขนมไทยอร่อย ๆ ให้ชิม ท่ามกลางเสียงดนตรีไทยบรรเลง สร้างบรรยากาศระหว่างรอรับการตรวจหนังสือเดินทาง เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ ตม.ไทย ในฐานะประตูหลักของประเทศ ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในนามคนไทยทุกคน และจะจัดต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นแผนปีใหม่

  • ธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง (เต็นท์รถ) เข้าสู่สภาวะชะลอตัว
    เนื่องจากสินค้าเกษตรราคาต่ำลงส่งผลให้กำลังซื้อลดลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ธุรกิจไฟแนนซ์คุมเข้มการปล่อยเงินกู้เพื่อซื้อรถ ประกอบกับลูกค้าติดแบล็กลิสต์เป็นจำนวนมาก ทำให้การปล่อยเงินกู้เพื่อซื้อรถทำได้ยาก และผู้ผลิตรถยนต์หันมาให้น้ำหนักกับการทำธุรกิจรถใช้แล้วมากยิ่งขึ้น ขณะนี้พบว่าเต็นท์รถในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เชียงราย สระแก้ว และสงขลา มียอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่อง และเต็นท์รถรายเล็กในพื้นที่จังหวัดพัทลุงเริ่มทยอยปิดตัวลง
  • บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งค์ เปิดเผยว่า การดำเนินการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรระบบตั๋วร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องอ่านอุปกรณ์และระบบ รวมถึงการเชื่อมโยงระบบระหว่างระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) กับระบบของแอร์พอร์ตลิ้งค์ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ตามแผน พร้อมเปิดให้บริการ และในปีหน้าจะเร่งดำเนินการติดตั้งตัวบันไดเลื่อนที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ตรงบริเวณสถานีพญาไทที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงกลางปีหน้า ส่วนการติดตั้งราวกั้นของสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นปีนี้ทั้ง 7 สถานี รวมถึงการติดตั้งระบบไวไฟด้วย ส่วนการปรับปรุงขบวนรถ 9 ขบวนนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้ พร้อมเปิดบริการในช่วงปีใหม่เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ หากสามารถปรับปรุงขบวนรถทั้ง 9 ขบวนแล้วเสร็จจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ประมาณ 86,000 คนต่อวันจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 74,000-75,000 คนต่อวัน

ข่าวต่างประเทศ


  • สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้พระราชทานเหรียญกล้าหาญและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สมาชิก 7 คน ของทีมนักดำน้ำและสำรวจถ้ำจากสหราชอาณาจักร ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงในจังหวัดเชียงราย เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดย จอห์น โวลันเธน และ ริชาร์ด สแตนตัน ได้รับเหรียญ “จอร์จ เมดัล” เหรียญกล้าหาญสูงสุดลำดับ 2 ของสหราชอาณาจักร ที่มอบให้พลเรือน รองจากเหรียญ “จอร์จ ครอสส์” ขณะที่ เจสัน มัลลินสัน และคริสโตเฟอร์ จีเวลล์ จะได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญองค์ราชินี โจชัว แบรชลีย์ คอนนอร์ โร และนายเวอร์ อันสเวิร์ธ จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเอ็มบีอี สำหรับ นักดำน้ำชาวสหราชอาณาจักรทั้ง 7 คน จะเข้ารับการพระราชทานรางวัลและประดับยศจากสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์ ซึ่งคาดจะเป็นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมาร ที่ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระราชมารดา โดยสำนักพระราชวังจะประกาศกำหนดการให้ทราบอีกครั้ง
  • กระทรวงกิจการภายในของอียิปต์ออกมาระบุว่า ตำรวจได้สังหารผู้ก่อการร้าย 40 ราย ในการบุกจู่โจมพื้นที่หลายจุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุระเบิดที่ข้างถนนใกล้กับพีระมิดในเมืองกีซ่า ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวเวียดนามเสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ในการบุกจู่โจมพื้นที่ 2 แห่ง ตำรวจได้สังหารผู้ก่อการร้ายไป 30 ราย ส่วนอีก 10 ราย ถูกสังหารที่ตอนเหนือของคาบสมุทรไซนาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงมือกวาดล้างกลุ่มผู้ก่อการร้ายหลังได้รับรายงานข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยกำลังเตรียมการที่จะก่อเหตุโจมตีต่อหน่วยงานรัฐ แหล่งท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญทางศาสนา

สถานการณ์น้ำ


  • กรมชลประทานวางแผนการใช้น้ำจากโครงการชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศในช่วงฤดูแล้งปี 2561/2562
    (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 – 30 เมษายน 2562) ซึ่ง ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 มีปริมาตรน้ำต้นทุนสามารถใช้การได้จำนวน 39,570 ล้าน ลบ.ม. โดยวางแผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศจำนวน 23,100 ล้าน ลบ.ม. ตามลำดับความสำคัญ ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางใช้น้ำไปแล้ว 6,388 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 28 ของแผนจัดสรรน้ำ
    ส่วนในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ใช้น้ำไปแล้ว 2,633 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 33 ของแผนจัดสรรน้ำ

สถานการณ์อากาศ


  • กรมอุตุนิยมวิทยามีประกาศแจ้งเตือนประชาชน ให้ระมัดระวัง
    อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
    บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน คาดว่าความกดอากาศสูงกำลังแรงนี้จะปกคลุมบริเวณดังกล่าวจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2562 ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ทำให้มีผลกระทบดังนี้
    ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง
    และในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 5-8 องศาเซลเซียสในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนบริเวณเทือกเขาสูงมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-13 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียสขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วยสำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยจะเริ่มจากจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ก่อน ส่วนจังหวัดอื่นๆ จะได้ผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย ส่วนอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2562
  • สถานการณ์มลพิษหมอกควันพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมาในช่วงวันที่ 29 ธันวาคม 61 ส่งผลให้หมอกควันและฝุ่นละออง โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีปริมาณต่ำลงเป็นอย่างมาก