ข่าวในประเทศ
- เมื่อเวลา 17.16 น. วันที่ 17 ก.ค. 62 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มายังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูฝน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม การนี้ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อยเข้าทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อย แล้วสรงที่พระเศียร พระราชทานน้ำพระมหาสังข์เพชรน้อยแก่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญสังข์นครเข้าทูลเกล้าฯ ถวาย พระราชทานน้ำสังข์นครแก่พระราชวงศ์ที่มาเฝ้าฯ
- เมื่อเวลา 18.38 น. วันที่ 17 ก.ค. 62 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ไปยังพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนพรรษาในตู้ ทรงถวายพุ่มเทียนบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ ทรงคม ทรงถวายพุ่มเทียนและทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชา พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงคม จากนั้น เสด็จขึ้นบนฐานชุกชี ทรงถวายพุ่มเทียน ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา 50 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงคม ทรงวางพวงมาลัย ถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงคม ทรงถวายพุ่มเทียน ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงคม เสด็จลงจากฐานชุกชี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพสกนิกรจากทุกสารทิศพร้อมใจใส่เสื้อสีขาวและสีเหลือง ทยอยมาเฝ้าฯ รับเสด็จเป็นจำนวนมาก หลายคนยังตั้งใจมาสักการะพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ รวมถึงมารอตักบาตรดอกไม้หลังเสด็จฯ กลับ และอยู่ร่วมสวดมนต์ในเวลา 19.00 น. ครั้นถึงเวลาเสด็จฯ ประชาชนต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เมื่อได้เห็นทั้ง 3 พระองค์ ต่างรวมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพักตร์แจ่มใส ทรงโบกพระหัตถ์ขวาทักทายประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ยังความปลื้มปีติแก่พสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้
ข่าวการเมืิอง
- รอง นรม. (นายวิษณุฯ) กล่าวถึงร่างนโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภา ว่านโยบายที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภาแบ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนกับนโยบายทั่วไป ซึ่งเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกบรรจุอยู่ในนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ โดยพรรคประชาธิปัตย์พึงพอใจเนื่องจากการแก้รัฐธรรมนูญนับเป็น 1 ใน 12 นโยบายที่ถูกบรรจุอยู่ในร่างแถลงนโยบายรัฐบาล ส่วนถ้อยคำชัด ๆ หรือขั้นตอนเป็นอย่างไรต้องรอให้ นรม. เป็นผู้แถลงต่อรัฐสภา
- รอง นรม. และ รมว.พณ. (นายจุรินทร์ฯ) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบร่างนโยบายรัฐบาลที่จะนำเสนอต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนกรอบระยะเวลาในการดำเนินการนั้นเบื้องต้นได้กำหนดออกเป็น 2 ส่วน คือ นโยบายภาพรวมที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ไปแล้ว ที่จะต้องดำเนินการในช่วงระยะเวลา 4 ปีนี้ และนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
- รมว.รง. ให้สัมภาษณ์ว่า ภารกิจแรกที่จะดำเนินการจะเป็นการสานต่องานของ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต รมว.รง. คนก่อน กรณีนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นั้น รมว.รง. กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก อยากให้ทุกคนได้รับค่าแรง แต่เรื่องนี้มีผลกระทบหลายส่วน ทั้งนายจ้าง และ เศรษฐกิจระดับมหภาค หากเกิดเฟ้อขึ้นมาจะทำอย่างไร ต้องให้คณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาแล้ว ตนก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน ดังนั้นต้องค่อย ๆ ทำ ส่วนทางด้านการรับมือการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ตนคิดว่าไม่ต้องรับมืออะไรเพราะพรรคตนมีรัฐมนตรีเพียงคนเดียว และหากตนมีปัญหาก็ยังมีคนอื่นในพรรคที่สามารถเป็นแทนได้ และหากฝ่ายค้านอภิปรายนโยบายแล้วพาดพิงถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีตนก็ไม่กังวัลสิ่งใด
ข่าวเศรษฐกิจ
- รอง นรม. (นายสมคิดฯ) เปิดเผยว่าขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้จัดเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยรายละเอียดของมาตรการดังกล่าวแบ่งออก 2 ส่วนคือ มาตรการด้านการคลังและมาตรการสนับสนุนสินเชื่อและเงินช่วยเหลือกรณีพิเศษจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่งคือ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยเติบโต 2.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยจีดีพีไตรมาส 2 จะขยายตัวได้ในระดับเดียวกับไตรมาสแรก ประมาณ 2.8-2.9% ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรก (6 เดือน) ขยายตัวไม่ถึง 3% อย่างแน่นอน โดยขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การผลักดันมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดที่แล้วให้ดำเนินการต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนสิ่งที่รัฐบาลต้องการมากที่สุดคือเรื่องการเพิ่มรายได้จากแหล่งใหม่ ๆ เนื่องจากรายได้ของงบประมาณมาจากไม่กี่แหล่งเช่น รายได้จากภาษี การกู้เงินหรือออกพันธบัตร เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งหากมีข้อเสนอจากหน่วยงานใดว่าสามารถเพิ่มรายได้จากแหล่งใหม่ได้ รัฐบาลก็พร้อมรับฟัง และยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายขึ้นภาษีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพราะการขึ้นภาษีในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวเท่ากับซ้ำเติมประชาชน
- รมว.อก. กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงาน “Thailand Industry Expo 2019” ซึ่งเป็นงานแรกหลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ว่านโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการคือ
1. การส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรควบคู่กันไปด้วย
2. การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากที่ผ่านมมีปัญหาเรื่องเงินทุนและภาระหนี้สิน เพื่อหาทางผ่อนปรนกฏระเบียบหรือมีมาตรการใหม่ ๆ ทำให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
3. การกำกับดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยต้องการให้โรงงานอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับดูแลในเรื่องให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันนั้น นรม. ได้ให้นโยบายว่าต้องไปหารือในคณะกรรมการไตรภาคีค่าจ้างขั้นต่ำก่อน เมื่อได้ข้อสรุปจึงจะดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภค สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังเดินหน้าสนับสนุนต่อเนื่อง โดยมีแนวคิดขยายพื้นที่ไปยังภูมิภาคอื่นให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเท่านั้น
ข่าวต่างประเทศ
-
นายเดวิด สติลเวลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่าสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับปัญหาการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้อย่างยิ่ง และจะช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าจะดำเนินขั้นตอนอย่างไร สิ่งสำคัญญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ต้องเร่งแก้ไขความเห็นที่แตกต่างกันเอง หากแต่ขณะนี้สหรัฐอเมริกาลังเลที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทของ 2 ประเทศที่ต่างก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ปมขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตเมมโมรี ชิพ และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนป้อนตลาดโลก และกลายเป็นประเด็นที่บดบังความสำคัญในการเดินทางมาเยือนกรุงโซลของนายสติลเวลล์ โดยคาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อยุติได้ในเร็ว ๆ นี้
- สถานการณ์อิหร่าน-สหรัฐอเมริกาตึงเครียดมากขึ้นนับจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 ที่ 6 มหาอำนาจตกลงยกเลิกมาตรการแซงก์ชันบางส่วนแลกกับการที่อิหร่านระงับโครงการนิวเคลียร์ โดยอยาตอลเลาะห์ อาลี คอมาเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศว่า เตหะรานจะเดินหน้าทยอยยกเลิกข้อจำกัดควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์ของตัวเองภายใต้ข้อตกลงที่ทำกับอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย และอเมริกาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในเมื่อสหรัฐฯได้ถอนตัวจากข้อตกลงไปแล้วกว่า 1 ปี รวมทั้งชาติอื่น ๆ ที่ร่วมลงนามก็ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งสัญญาจะให้แก่อิหร่านเมื่อทำตามข้อตกลง ขณะเดียวกัน คอเมเนอีบอกด้วยว่าจะตอบโต้อังกฤษ “ในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม” จากกรณีอังกฤษเข้าการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านในบริเวณดินแดนยิบรอลตาร์เมื่อต้นเดือน ก.ค. ในเวลาต่อมา โฆษกของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ แถลงว่า การทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้นไม่ส่งผลดีทั้งต่อตะวันตกและอิหร่าน ทั้งนี้ คอเมเนอีกล่าวหาอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ล้มเหลวในการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงปี 2015 ในการช่วยให้อิหร่านกลับเข้าสู่ระบบการค้าโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกน้ำมันที่ถูกอเมริกาปิดกั้น คอมาเนอีเคยโจมตีชาติภาคียุโรปที่ไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านทรัมป์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดของเตหะรานประกาศชัดเจนว่า จะเดินหน้าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์เว้นแต่จะมีการยกเลิกมาตรการแซงก์ชันน้ำมันและการธนาคาร
สภาพอากาศ
- บริเวณภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชน บริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซี่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีปริมาณฝนน้อย สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ โดยหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 21 ก.ค. 62 สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.









